Submariner

เครื่องมือบอกเวลารุ่นต้นแบบ

Submariner

ทั้งนาฬิการุ่น Submariner และ Submariner Date มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่จำเป็นที่กลายเป็นมาตรฐานสำคัญในโลกของนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ ทั้งตัวเรือนที่สามารถกันน้ำได้ถึง 300 เมตร (1,000 ฟุต) ขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียวพร้อมขีดแบ่งเวลา 60 นาที และหน้าปัดที่มาพร้อมประสิทธิภาพการเรืองแสงใต้น้ำ

ขอบหน้าปัดแสดงเวลา
ปลอดภัย และใช้งานง่ายบนข้อมือคุณ

เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือนสีเขียว
เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือนสีน้ำเงินและสีเหลือง
เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือนสีดำ
เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือนสีน้ำเงิน
ขอบหน้าปัดแสดงเวลา

ขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียวเป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งของนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำทุกรุ่นของ Rolex ขอบตัวเรือนมาพร้อมขีดแบ่งที่มากถึง 60 นาที โดยเริ่มจากมาร์คเกอร์ 'ศูนย์' ซึ่งแสดงเป็นเครื่องหมายสามเหลี่ยมพร้อมแคปซูลเรืองแสง ขอบตัวเรือนเป็นคุณสมบัติทางเทคนิคที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้นักดำน้ำสามารถอ่านเวลาใต้น้ำได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ขอบตัวเรือนยังมาพร้อมขอบที่มีลักษณะเป็นสันที่มอบการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ทำให้ผู้ใช้สามารถหมุนปรับได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะสวมถุงมือก็ตาม การหมุนทิศทางเดียวยังมอบความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในขณะที่อ่านเวลาขณะดำน้ำอีกด้วย

ขอบหน้าปัด Cerachrom แบบหล่อชิ้นเดียวทำขึ้นมาจากเซรามิกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง โดยได้รับการผลิตและจดสิทธิบัตรโดย Rolex เซรามิกนี้สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริง ทั้งยังมีความแข็งแรงสูง และจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการตัดเฉือน องค์ประกอบทางเคมีของวัสดุยังเพิ่มความทนทานจากสารเคมีและการกัดกร่อนอีกด้วย นอกจากนี้ สีที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี้ยังทนทานต่อรังสีอัลตราไวโอเลต

ตัวเลขและมาร์คเกอร์อื่นๆ พร้อมด้วยขีดแบ่ง 60 นาทีที่ขึ้นรูปและฝังลงบนขอบหน้าปัดนั้นได้รับการเคลือบด้วยแพลทินัม หรือทองคำด้วยกระบวนการ PVD (การเคลือบด้วยไอเชิงฟิสิกส์)

ตัวเรือน Oyster และเม็ดมะยม Triplock
ยกระดับประสิทธิภาพการกันน้ำ

ทั้งนาฬิการุ่น Submariner และ Submariner Date มาพร้อมตัวเรือน Oyster ขนาด 41 มม. พร้อมตัวเรือนตรงกลางที่รังสรรค์ขึ้นจาก Oystersteel, ทองคำ 18 กะรัต หรือทองคำขาว 18 กะรัต ตัวเรือนดังกล่าวเปี่ยมไปด้วยด้วยความทนทานและความน่าเชื่อถือ ทั้งยังมอบสมรรถนะการกันน้ำได้สูงถึง 300 เมตร (1,000 ฟุต) โดยประสิทธิภาพการกันน้ำได้ผ่านการรับรองจากการทดสอบตามกระบวนการรับรอง Superlative Chronometer

เม็ดมะยมไขลาน Triplock ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการกันน้ำให้กับตัวเรือน Oyster ของนาฬิการุ่น Submariner อีกด้วย โดยเม็ดมะยมที่ถูกยึดไว้ด้วยสกรูนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นในปี 1970 และประกอบด้วยส่วนกันน้ำทั้งหมดสามส่วน นาฬิการุ่นนี้ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนหลักประมาณ 10 ชิ้นที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุที่ได้รับการคัดสรรจากคุณสมบัติที่จำเป็น เช่น โพลิเมอร์สำหรับซีลกันน้ำ Oystersteel โลหะมีค่า และไทเทเนียม RLX ซึ่งเป็นวัสดุสำหรับชิ้นส่วนด้านกลไกและด้านความสวยงาม

เม็ดมะยม Triplock ถูกยึดด้วยสกรูติดกับตัวเรือนเพื่อการกันน้ำที่สมบูรณ์แบบ ทั้งยังมาพร้อมเกราะป้องกันด้านข้างเพื่อป้องกันตัวเรือนตรงกลางจากแรงสั่นสะเทือน ขอบป้องกันเม็ดมะยมที่ปั๊มขึ้นรูปลงตัวเรือนคิดค้นขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1959 โดยมาพร้อมกับนาฬิการุ่น Submariner

เม็ดมะยมไขลาน Triplock
ตัวเรือน Oyster

เม็ดมะยม Triplock สังเกตได้จากสัญลักษณ์สามอันใต้ตราสัญลักษณ์ Rolex โดยจะเป็นสัญลักษณ์แบบจุดหรือแบบเส้นนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้

หน้าปัดโครมาไลท์

หน้าปัดโครมาไลท์
พลังแห่งสารเรืองแสงสีฟ้า

หน้าปัดโครมาไลท์ทำให้นาฬิการุ่น Submariner และ Submariner Date สามารถแสดงเวลาได้อย่างชัดเจนในทุกสถานการณ์ สารเรืองแสงอันล้ำหน้านี้ได้รับการเติมลงบนตัวเลข เครื่องหมายบอกชั่วโมง และเข็มนาฬิกา ทั้งยังอยู่ในแคปซูลในขอบตัวเรือน และจะเปล่งแสงสีขาวสว่างในแสงธรรมชาติตอนกลางวัน และเรืองแสงสีฟ้าเข้มเมื่ออยู่ในความมืด สารเรืองแสงนี้ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับการดำน้ำตอนกลางคืน การดำน้ำในน้ำขุ่น หรือการดำน้ำในความลึกที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง

หน้าปัดของ Submariner ยังมาพร้อมเครื่องหมายบอกชั่วโมงเรืองแสงขนาดใหญ่ในรูปทรงอันเรียบง่าย ทั้งสามเหลี่ยม วงกลม และสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาสำหรับมืออาชีพอีกด้วย นอกจากนี้ รูปทรงเรขาคณิตยังทำให้อ่านเวลาได้อย่างรวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

เลอค่าด้วยอัลลอยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ความทนทานที่มาพร้อมความประณีต

Oystersteel
ทั้ง Submariner และ Submariner Date ต่างรังสรรค์ขึ้นจาก Oystersteel ซึ่งเป็นอัลลอยแบบพิเศษที่อยู่ในตระกูลเดียวกับสตีล 904L และนิยมใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมยานอวกาศ และอุตสาหกรรมเคมี ในปี 1985 Rolex ได้กลายเป็นผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์แรกที่ใช้สตีล 904L แบบก้อนในการผลิตตัวเรือน Oystersteel นั้นมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนอย่างยิ่ง ทั้งยังมอบความเงางามแม้นาฬิกาจะผ่านการใช้งานอย่างหนัก
ทองคำ 18 กะรัต
ทองคำที่ Rolex เลือกใช้ในการผลิตอย่างทองคำ 18 กะรัต และทองคำขาว 18 กะรัต ที่ใช้ตบแต่งนาฬิการุ่น Submariner Date ในบางรุ่นได้รับการคิดค้นและหล่อขึ้นรูปที่โรงหล่อของตัวเอง อัลลอยมีค่าเหล่านี้ผลิตจากทองคำบริสุทธิ์ 750‰ โดยหลอมผสมกับเงิน ทองแดง หรือพาลาเดียม ดังนั้นจึงมีประกายเงางามอันโดดเด่นและมีคุณภาพระดับเหนือชั้น
Rolesor
Rolesor เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ Rolex มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1930 โดยเป็นการหลอมโลหะอย่างทองคำและสตีลเข้าด้วยจนเกิดเป็นความงดงามประณีตและความทนทานที่ผสานกันอย่างลงตัว นาฬิกา Submariner Date ในรุ่นวัสดุ Yellow Rolesor มาพร้อมขอบหน้าปัด Cerachrom และหน้าปัดสีน้ำเงินหรือสีดำ

สายนาฬิกา Oyster
ความสบายที่มาพร้อมความทนทาน

สายนาฬิกา Oyster ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1930 และเป็นสายนาฬิกาที่ผสานความสบายเข้ากับความทนทานด้วยข้อต่อสามชิ้น

นาฬิกา Submariner Date รุ่นทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมกับสายนาฬิกา Oyster ที่มีก้านสอดเซรามิก ท่อเล็กๆ ที่ล้อมรอบเข็มข้อสายนาฬิกานี้ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้กับสายโลหะและมอบความสบายในการสวมใส่

Submariner
ชุดตัวล็อก Oysterlock

ชุดตัวล็อก Oysterlock
คงความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือในทุกสถานการณ์

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของชุดตัวล็อก Oysterlock นั้นผลิตมาเป็นพิเศษเพื่อนาฬิกาสำหรับมืออาชีพของ Rolex ระบบขยายสายนี้มาพร้อมกับกลไกตัวล็อคแบบบานพับและระบบตัวล็อคนิรภัยที่ป้องกันการเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังรับรองการรัดรอบข้อมืออย่างปลอดภัย และใช้งานสะดวกสบายแม้อยู่ใต้น้ำ

ชุดตัวล็อกนี้มาพร้อมกับระบบขยายสาย Rolex Glidelock ซึ่งเป็นระบบขยายสายอันซับซ้อนที่ประกอบไปด้วยสปริงบังคับสะพานชุดจับเวลาที่ช่วยให้สามารถปรับความยาวสายได้เองโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ระบบขยายสาย Rolex Glidelock บนสายนาฬิกา Oyster มาพร้อมร่องบนสาย 10 ร่องในทุกๆ สองมิลลิเมตร ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมในการสวมใส่บนชุดดำน้ำ

คาลิเบอร์ 3230 และคาลิเบอร์ 3235
ประสิทธิภาพที่ไม่หยุดยั้ง

นาฬิการุ่น Submariner และ Submariner Date มาพร้อมกับคาลิเบอร์ 3230 และคาลิเบอร์ 3235 ตามลำดับ โดยผ่านรับการรับรอง Superlative Chronometer

กลไกระบบขึ้นลานอัตโนมัติพร้อมโรเตอร์ Perpetual ทั้งสองกลไกนี้ผลิตและพัฒนาขึ้นในโรงงานของเราเอง โดยผสานรวมนวัตกรรมการผลิตนาฬิกาล่าสุดของเรา

ทั้งคาลิเบอร์ 3230 และ 3235 ต่างมาพร้อมกับแฮร์สปริง Parachrom สีฟ้า แฮร์สปริงนี้ทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็กแรงสูง ทั้งยังมีความเสถียรสูงเมื่อต้องเผชิญกับสภาวะอุณหภูมิผันผวน กลไกการทำงานยังมาพร้อมชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy กลไกสิทธิบัตรที่ทำจากอัลลอยนิกเกิล-ฟอสฟอรัสซึ่งไม่ไวต่อการรบกวนของแม่เหล็กแรงสูง และมอบความน่าเชื่อถือในระดับดีเยี่ยม

ออสซิลเลเตอร์ของกลไกการทำงานเหล่านี้มาพร้อมจักรกรอกขนาดใหญ่ที่มีความเฉื่อยผันแปร สามารถปรับตั้งความเที่ยงตรงได้อย่างแม่นยำด้วยน็อต Microstella ทองคำ และติดตั้งกับตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ประสิทธิภาพสูง และนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ลูกเหวี่ยงยังติดตั้งมาพร้อมกับตลับลูกปืนเม็ดกลมที่ได้รับการปรับเพิ่มสมรรถนะด้วย

คาลิเบอร์ 3230 และ 3235 แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านเทคโนโลยีชั้นสูง และนำมาซึ่งการจดสิทธิบัตรจำนวนหลายฉบับ ทั้งยังโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพขั้นสูงโดยเฉพาะในด้านความเที่ยงตรงแบบโครโนแมตริก (อัตราผันผวนที่ -2/+2 วินาทีต่อวัน) เช่นเดียวกับการเดินโดยไม่ต้องไขลาน (ประมาณ 70 ชั่วโมง) ความต้านทานต่อแรงกระแทก ความสะดวกสบาย และความน่าเชื่อถือ