Cosmograph Daytona

มือชั้นหนึ่งในเรื่องความทนทาน

นาฬิกาหรือตำนานกันแน่?

Cosmograph Daytona เปิดตัวในปี 1963 นับเป็นไอคอนของเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกามาอย่างช้านาน ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากชื่อรุ่นที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ของสนามความเร็วชื่อดัง และหน้าปัดกราฟิกอันเป็นเอกลักษณ์ แต่กระนั้น หัวใจสำคัญของโครโนกราฟชั้นเลิศนี้มาจากกลไกการทำงานที่ขับเคลื่อนนาฬิกาไปข้างหน้า กลไกการทำงานนี้ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดย Rolex ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อส่งต่อสมรรถนะอันเป็นเลิศในทุกสถานการณ์ Cosmograph Daytona นั้นผ่านการปรับปรุงปรับแต่งเรื่อยมา เพื่อคงไว้ซึ่งชื่อเสียงในแง่ของความน่าเชื่อถือและความเที่ยงตรงอันเป็นเลิศ

Cosmograph Daytona
บรรยากาศของ Cosmograph Daytona

โครโนกราฟที่เหนือชั้น

Cosmograph Daytona คือผลงานจากความเชี่ยวชาญของ Rolex ที่โดดเด่น ทั้งยังคงคุณค่าในความเป็นเรือนเวลาที่เที่ยงตรงและน่าเชื่อถือจนไม่ทำให้ใครผิดหวัง เป็นเวลากว่าหลายปีที่วิศวกรของ Rolex ได้ออกแบบและพัฒนาคาลิเบอร์ 4130 จนกลายเป็นคาลิเบอร์ 4131 ในปี 2023 คาลิเบอร์ 4131 และคาลิเบอร์ 4132 ที่ผ่านการปรับแต่งได้เปิดตัวในปีเดียวกัน นับแต่วันแรกที่มีการคิดค้นคาลิเบอร์ที่มีอะไหล่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้สร้างชื่อของตัวเองในฐานะกลไกการทำงานที่ทนทานและทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก

ในอีกด้านหนึ่งนั้น ก็เป็นผลมาจากสถาปัตยกรรมเรียบง่ายที่สร้างช่องว่างให้กระปุกลานเพื่อเพิ่มพลังงานสำรองให้มากถึง 72 ชั่วโมง ส่วนอีกด้านคือผลพวงจากกลไกคลัตช์แนวดิ่งที่รับประกันถึงการทำงานที่ยาวนานของโครโนกราฟโดยที่ไม่รบกวนกลไกความเที่ยงตรงอื่นๆ ซึ่งนี่คือผลพลอยได้จากการทำงานร่วมกันของชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy และแฮร์สปริง Parachrom ตัวเรือน Oyster ที่ได้รับการปิดผนึกสุญญากาศอย่างสมบูรณ์แบบยังมอบระบบกันน้ำสามชั้นผ่านทางปุ่มกดด้านข้างแบบยึดด้วยสกรูและเม็ดมะยมไขลาน Triplock

โครโนกราฟผลิตขึ้นในห้องปฏิบัติงานของ Rolex

หากต้องก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญ ก็จงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดเกรง หากแต่ยังคงความนิ่งสงบเอาไว้

Hans Wilsdorf
Roleverose Cosmograph Daytona
กลไกของความเป็นเลิศ

กลไกของความเป็นเลิศ

Cosmograph Daytona นั้นซ่อนเรื่องราวร่วมสมัยของศาสตร์การผลิตนาฬิกาแบบสวิสไว้เบื้องหลังดีไซน์ระดับตำนาน เดิมนั้น Cosmograph Daytona ทำงานโดยกลไกการทำงาน Valjoux ก่อนที่ในปี 1988 Cosmograph Daytona จะขับเคลื่อนโดยกลไกการทำงานคาลิเบอร์ 4030 ที่ดัดแปลงมาจากกลไกการทำงานคาลิเบอร์ Zenith El Primero ซึ่งเป็นกลไกการทำงานของโครโนกราฟระบบขึ้นลานอัตโนมัติความถี่สูงกลไกแรกของโลก วิศวกรของ Rolex ปรับแต่งคาลิเบอร์โดยการลดความถี่ลงมาจนถึง 4 เฮิรตซ์เพื่อความทนทาน และความน่าเชื่อถือแม้เวลาจะผ่านไป หลังจากนั้นในปี 2000 Rolex ได้เปิดตัวคาลิเบอร์ 4130 ที่สานต่อปณิธานสู่ความเป็นเลิศของผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Hans Wilsdorf อย่างครบถ้วน (คาลิเบอร์ 4130 ได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อในปี 2023 เป็นคาลิเบอร์ 4131 และคาลิเบอร์ 4132 สำหรับรุ่นพิเศษ) กลไกนี้ถูกปรับปรุงและพัฒนาขึ้นโดย Rolex เพื่อความน่าเชื่อถือและความทนทานแม้จะใช้งานในสภาวะสุดขั้ว

ดีไซน์อันโดดเด่นของ Cosmograph Daytona กลายเป็นไอคอนสำหรับผู้สวมใส่

โครโนกราฟที่เหนือชั้น

ดีไซน์ระดับตำนาน

ขอบตัวเรือน ตัวเลขบอกจำนวนนาที และส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กบริเวณสามนาฬิกาต่างเป็นหนึ่งในห้าองค์ประกอบเด่นของ Cosmograph Daytona นอกจากนี้ หน้าปัดพื้นหลังสีขาวและส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำ ที่มาของชื่อเล่น “หมีแพนด้า” ในบรรดานักสะสมก็ถือเป็นดีไซน์คลาสสิกเช่นกัน สถานะระดับตำนานที่ประทับในนาฬิการุ่นนี้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจาก Paul Newman ไอคอนคนดังแห่งฮอลลีวูดที่พ่วงตำแหน่งนักแข่งรถมากความสามารถและผู้บุกเบิกสังคมระดับตำนาน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การออกแบบต่างๆ ทั้งหน้าปัด การผสมผสานสี และสถาปัตยกรรมตัวเรือนนั้นมีการปรับแต่งอยู่ตลอด เพื่อให้นาฬิการุ่นนี้ยังคงความงามหรูหราเหมือนเช่นเดิม และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในแง่ต่างๆ ของเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกา ซึ่งหมายรวมถึงเทคโนโลยีอันล้ำนำสมัยที่สามารถผลิตสเกลวัดความเร็วได้เพียงการหลอมขอบหน้าปัด Cerachrom จากเซรามิกเทคโนโลยีสูง รวมถึงอัญมณีศาสตร์และการฝังอัญมณี โดยเฉพาะในรุ่นขอบตัวเรือนทองคำประดับแซฟไฟร์ 36 เม็ดที่มีการเล่นแสงสีรุ้ง แต่ไม่ว่าจะรุ่นใดก็ตาม ดีไซน์ของ Cosmograph Daytona ก็ยังคงความเป็นตำนานที่ทำให้โครโนกราฟรุ่นนี้ยังมีชีวิตชีวาจนถึงปัจจุบัน

ก่อนอื่นคุณควรรู้เสียก่อนว่าแท้จริงแล้วคุณต้องการอะไร แล้วจึงทำทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าสิ่งนั้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนั้นคือความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตอย่างหนึ่ง

Hans Wilsdorf
Cosmograph Daytona

ฉีกกรอบขนบเดิม

ชื่อของ Cosmograph Daytona แสดงให้เห็นว่าเกี่ยวข้องกับกีฬาแข่งรถ คำว่า “Daytona” ที่สลักด้วยตัวอักษรสีแดงเหนือส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กนั้นเป็นชื่อของชายหาดหนึ่งในรัฐฟลอริดาอันเคยเป็นที่จารึกประวัติศาสตร์ความเร็วครั้งแรกของอเมริกามาแล้ว ชายหาด Daytona ที่ตอนนี้กลายเป็นสนามประลองความเร็วชื่อก้องโลกแล้วนั้นถือเป็นแรงบันดาลใจหลักในการสร้างตำนานให้โครโนกราฟชิ้นนี้ แต่กระนั้น Cosmograph Daytona ก็ไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะในกีฬาแข่งรถเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสิ่งที่สื่อถึงความตั้งใจของผู้ที่เลือกใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตัวเอง

  • เปลือกหอยมุก
    ดูข้อมูลเพิ่มเติม
  • Cosmograph Daytona รุ่นหน้าปัดสีขาว
    ดูข้อมูลเพิ่มเติม